สองคำในโลกธุรกิจ "รักเลย" vs. "ละเลย"
ในการทำธุรกิจ มีสองคำ ที่ออกเสียงคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกัน อย่างลิบลับ นั่นก็คือคำว่า
"รักเลย" กับ "ละเลย"
แล้วมันเกี่ยวข้องยังไงกับธุรกิจล่ะ มันควรจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง ความรัก การคบหาส่วนตัวซะมากกกว่า.. ในเรื่องนั้นน่ะ เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างแน่นอน
สิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ หนีไม่พ้น การสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้เกิดกับลูกค้า หรือพูดกันง่ายก็คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกดีกับ ตัวสินค้า บริการ และบริษัท
เพราะฉะนั้นเจ้าของกิจการที่ระลึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ก็จะต้องใส่ใจและพยายามทำเรื่อง "รักเลย" นี้ให้ดีที่สุด..
สิ่งที่จะบอกก็คือ การทำให้ลูกค้า "รักเลย" ยังไงก็ดีครับ แต่ถ้าต่อมา เราไม่มีความสม่ำเสมอ ไม่ใส่ใจเค้าเหมือนเดิม หรือยุ่งมากขึ้น เพราะต้องไปเทคแคร์ลูกค้ารายอื่นๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ตรงจุดนี้แหละครับ ที่จะทำให้ ลูกค้ารายเดิม เค้ารู้สึกว่า เรากำลัง "ละเลย" เค้าอยู่
กำลัง ถ้ามันไม่ได้เห็นได้ชัดมากนัก ก็อาจไม่มีปัญหาอะไร แต่ในบางราย มีความพยายามที่จะใส่ใจลูกค้ารายอื่นๆ เพิ่มขึ้นตลอดเวลา จนเรียกได้ว่า"ละเลย" ลูกค้ารายเดิมไปมากจริงๆ ตรงนี้แหละครับที่มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจในไม่ช้า ด้วยสาเหตุ 2 ประการคือ
ต้นทุนในการรักษาลูกค้าเดิมที่ดี จะสูงกว่าการสร้างลูกค้าใหม่ มาทดแทนเสมอ.. นั่นเท่ากับว่าเจ้าของธุรกิจ ต้องจ่ายค่าประสบการณ์ตรงนี้ในราคาแพง อย่างมิต้องสงสัย
โลกยุคนี้เป็นโลกโซเชียล การทำให้ลูกค้าที่เคยรัก รู้สึกเปลี่ยนไปทางลบ อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจอย่างมาก ผ่านโลกออนไลน์ คงไม่ดีแน่ๆ ที่จะเผชิญสถานการณ์อันยากลำบากเช่นนี้
สิ่งที่อยากแนะนำก็คือ ให้ใส่ใจ และปฏิบัติเป็นมาตรฐาน อย่างเว่อร์วังอลังการจนเกินไป เพราะนั่นเท่ากับว่า คุณกำลังสร้างปัญหาคอยคุณอยู่ในอนาคต เพราะไม่มีใครสามารถทำสิ่งที่มากกว่าปกติ ไปได้ทุกรายและตลอดไปได้
อีกประการก็คือ การใส่ใจลูกค้านั้น ถ้าเป็นไปได้ ให้ปฏิบัติแบบที่ว่า..
รักน้อยๆ แต่ให้รักนานๆ ดีกว่าจะเป็น รักแรกพบ แล้วจบไม่สวย จริงมั้ยครับ !!
